วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2558

Chihuahua Part 5 (สิ่งที่ควรทราบ)

What should i know ? 


                   หลายๆคนคงเคยมีอาการตื่นเต้น เวลาที่รับลูกสุนัขสักตัวหนึ่งมาเลี้ยง

เกิดความกังวล ว่าควรทำอะไรเป็นอันดับแรก ควรทำอย่างไร เพื่อให้น้องหมาที่รับมาเลี้ยงนั้น

แข็งแรงและอยู่กับเราไปตลอดรอดฝั่ง ยิ่งสำหรับมือใหม่ด้วยแล้ว เพราะการสูญเสียไม่ใช่เรื่อง

ที่จะทำใจได้ง่าย แม้ว่าสุนัขตัวนั้น จะอยู่กับเรากี่วัน กี่เดือน ก็ตาม 

ดังนั้น ก่อนที่เราจะรับลูกสุนัขมาเลี้ยง เราควรทำการศึกษาให้ดีเสียก่อน 

สิ่งที่ควรทราบเป็นอันดับแรก ก็คือ สุนัขที่พร้อมย้ายบ้าน คือสุนัขที่มีอายุ 2 เดือนหรือ 2 เดือนขึ้นไป

เพราะลูกสุนัขจะเริ่มมีภูมิคุ้มกันบ้างแล้ว หรือทางที่ดี รับเลี้ยงเมื่อลูกสุนัขอายุได้ 4 เดือน จะดีที่สุด

เนื่องจาก รูปร่างหน้าตาของลูกสุนัข จะไม่เปลี่ยนไปจากนี้มากนัก ทำให้เราพอคาดเดาได้ว่า

ลูกสุนัขที่เรารับมาเลี้ยงนั้น โตมาจะหน้าตาเป็นอย่างไร ถูกใจ ตรงตามที่เราต้องการหรือไม่

ป้องกันปัญหาต่างๆที่ตามมา ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่ผมเคยพบเห็นบ่อยๆก็คือ

เมื่อลูกสุนัขโตมา หน้าตาเปลี่ยนไปจากเดิม ผู้เลี้ยงไม่ชอบใจ ก็ยกให้คนอื่น แล้วหาตัวใหม่มาเลี้ยงแทน

แต่คงจะลืมกันไปว่า สุนัขก็มีจิตใจ และ มีความซื่อสัตย์ต่อเจ้าของมาก แม้จะเปลี่ยนเจ้าของ 

หัวใจของเขาจะยังคงนึกถึงแต่เจ้าของคนเดิม บางตัวถึงกับเป็นโรคซึมเศร้าก็มี 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้ขายส่วนใหญ่ ก็มักที่จะเร่งขายลูกสุนัขตั้งแต่อายุยังน้อย 

เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายกับลูกสุนัขมากนัก และ เป็นช่วงที่ลูกสุนัขยังดูน่ารักน่าเอ็นดู 

อีกวิธีที่ดีที่สุดก็คือ ไปชมที่ฟาร์มเองเลยครับ แล้วเลือกเด็กๆที่ถูกใจ เพราะบางครั้ง

การตัดสินใจจากภาพที่เราเห็น อาจไม่เพียงพอ เพราะผู้ขายบางคนได้มีการปรับแต่งภาพมาอย่างดีแล้ว


สิ่งต่อมาที่ควรทราบ ก็คือ ลูกสุนัข ได้ผ่านการถ่ายพยาธิ หรือ ทำวัคซีนมาบ้างแล้วหรือยัง? 

ฟาร์มส่วนใหญ่ จะถ่ายพยาธิ และ ทำวัคซีนให้ลูกสุนัขอย่างน้อยสองเข็ม ก่อนส่งถึงมือเจ้าของใหม่

แต่ถ้าหากรับลูกสุนัขจากที่อื่น ซึ่งไม่ใช่ฟาร์ม เราควรถามคนขายให้แน่ใจเสียก่อน

เพราะการทำวัคซีนให้ลุกสุนัข ถือเป็นการป้องกันโรคต่างๆได้ในระดับหนึ่ง ทางที่ดี

ควรขอสมุดสุขภาพของลูกสุนัขมาเลย เพื่อง่ายต่อการทำวัคซีนในครั้งต่อๆไป 

สำหรับการถ่ายพยาธิและฉีดวัคซีนชนิดต่างๆนั้น ผมก็มีโปรแกรมวัคซีนในลูกสุนัขมาฝากกันครับ


อายุ                            
โปรแกรม
4-6 สัปดาห์        ถ่ายพยาธิและตรวจสุขภาพ
6-8 สัปดาห  วัคซีนรวม 5 โรค (โรคไข้หัด ลำไส้อักเสบ ตับอักเสบ เลปโตสไปโรซิสและหลอดลม     อักเสบติดต่อ) ครั้งที่ 1 และถ่ายพยาธิ 
10  สัปดาห์  วัคซีนรวม 5 โรค ครั้งที่ 2 และถ่ายพยาธิ
12  สัปดาห์  วัคซีนรวม 5 โรค ครั้งที่่ 3 และวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า ครั้งที่ 1 ถ่ายพยาธิ
14  สัปดาห์  เริ่มป้องกันพยาธิหนอนหัวใจ (ป้องกันทุกๆ 1.5 เดือน)
24  สัปดาห์  วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า ครั้งที่ 2 และถ่ายพยาธิ                                                         
เมื่อหายห่วงเรื่องวัคซีนไปแล้ว อันดับต่อมา ก็คือ เรื่องที่นอนและอาหารการกิน


ด้านสิ่งของขั้นพื้นฐานที่เราควรเตรียมไว้ ก่อนที่จะรับสุนัขมาเลี้ยง มีดังต่อไปนี้

ที่นอน ของลูกสุนัข เมื่อรับเขามาเลี้ยงนั้น เราควรตระเตรียมที่นอนเอาไว้ให้เขาเรียบร้อยแล้ว
บางคนใจดี ให้น้องหมานอนบนเตียงด้วยเลย ถ้าเป็นชิวาวาขนสั้นก็รอดตัวไป แต่ถ้าหากว่าเป็นชิวาวาขนยาวล่ะก็  เมื่อเราสูดอากาศเข้าไป ก็นำเอาขนของเขาเข้าไปในปอดของเราด้วย ส่งผลเสียต่อสุขภาพที่ตามมามากมาย หากต้องการให้เขานอนร่วมห้องกับเราจริงๆล่ะก็ ผมแนะนำให้กั้นที่เอาไว้สำหรับเขา
เอาเขาออกมาเล่นกับเรา แต่พอถึงเวลานอน ก็ให้เขาอยู่ในที่ของเขา เขาจะค่อยๆเรียนรู้ไปในตัว 
บางคนที่เปิดแอร์นอน อย่าลืมว่า ลูกสุนัขไม่ได้มีภูมิคุ้มกันมากเท่าเรา ดังนั้นควรหาเสื้อผ้าอุ่นๆให้เขา หาที่นอนให้เขาซุก หรือ หาผ้าให้เขาห่ม ให้เขานอนใต้แอร์จะยิ่งดีครับ

ตัวอย่าง คอกกั้นของลูกสาวผม น้องอลิซ




อาหาร เราควรถามเจ้าของเดิมครับ ว่าแรกเริ่มเลย เขาให้น้องหมาทานอาหารแบบไหน
ยี่ห้ออะไร (น้องหมาอายุสองเดือน ฟันยังขึ้นไม่ครบ หรือ อาจจะยังฟันไม่แข็งแรงพอ ควรให้ทานอาหารเปียก หรือไม่ก็ อาหารเม็ดแช่น้ำอุ่นจะดีที่สุดครับ เพราะผมเคยให้น้องหมาที่บ้านทานอาหารเม็ด ตั้งแต่อายุสองเดือน ทานไปได้สักพัก สำรอกออกมาเป็นเม็ดเลยครับ เพราะฟันเค้ายังไม่แข็งแรงพอที่จะย่อยอาหารเม็ดให้ละเอียดได้) และทางที่ดี เราควรจะให้อาหารยี่ห้อเดียวกันกับที่เจ้าของเดิมเคยให้ครับ 
หรือถ้าหากว่าเราต้องการเปลี่ยนอาหาร เราควรค่อยๆเปลี่ยนทีละนิด โดยการผสมระหว่างอาหารเดิมที่เขาเคยทานกับอาหารใหม่้ที่จะเปลี่ยน เพราะถ้าหากเปลี่ยนอาหารกระทันหัน อาจทำให้น้องหมาของเรา ท้องเสียหรือมีอาการป่วยได้ครับ อ้อ! และอาหารที่ให้ลูกสุนัขทาน เรื่องนี้ ห้ามเด็ดขาดเลยครับ 
ห้ามให้อาหารคนเด็ดขาด บางคนเห็นว่า คนกินได้ น้องหมาก็คงจะกินได้เหมือนกัน แต่ความจริงแล้ว
อาหารคนนี่แหล่ะครับ เป็นตัวให้น้องหมาเสียสุขภาพ และ อาจเสียชีวิตได้เลย
ถ้าหากให้ผมแนะนำยี่ห้ออาหารเม็ดที่ผมคิดว่าดีต่อลูกสุนัข ผมแนะนำยี่ห้อนี้เลยครับ


Royal Canin ราคาอาจจะสูงสักหน่อย แต่ไม่ปรุงรส ไม่ใส่สี น้องหมาขับถ่ายเป็นก่อน
และไม่มีคราบน้ำตา ยิ่งชิวาวา จะมีคราบน้ำตาง่าย ทานอาหารยี่ห้อนี้ จะไม่ค่อยมีคราบน้ำตาครับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสุนัขบางตัวด้วย (ไม่ได้ค่าโฆษณานะครับ ฮ่าๆๆ แค่เห็นว่าดีเลยบอกต่อ)

#อาหารต้องห้ามสำหรับสุนัข 10 อย่าง สามารถติดตามได้ในบทความถัดไปครับ 


นม บางคนอยากให้สุนัขทาน ถามว่าได้ไหม? ได้ครับ แต่ต้องเป็นนมแพะกระป๋องสำหรับลูกสุนัขเท่านั้น ห้ามให้นมวัวเด็ดขาดครับ เพราะกระเพาะของลูกสุนัขไม่สามารถย่อยโมเลกุลของนมวัวได้ครับ
นมแพะจะดีกว่าเพราะมีโมเลกุลที่เล็กเทียบเท่ากับโมเลกุลของนมแม่หมา แต่นมแพะจะอยู่ได้ไม่นาน
หลังจากเปิดกระป๋อง แม้ว่าจะแช่ตู้เย็นเอาไว้ก็ตาม เราควรนับวันให้ดีครับ ว่าเปิดมากี่วันแล้ว 

ขนมทานเล่นสำหรับสุนัข ทานได้เหมือนกันครับ แต่ไม่ควรให้เยอะ ให้เป็นรางวัลเมื่อเขาทำความดีก็ได้ 
วันละ 1 ถึง 2 ชิ้น ก็พอ และขนมขบเคี้ยวพวกนี้อยู่ได้ไม่เกิน 7 วันเท่านั้นนะครับ ควรนับวันดีๆเช่นกัน

###และสำหรับชิวาวาแล้ว ภาวะน้ำตาลในเลือดเขาจะค่อนข้างต่ำ ดังนั้นเวลาที่เค้าวิ่งเล่นเหนื่อยๆ เราควรเตรียมชงน้ำแดงไว้ให้เค้าทาน หรือ จะเป็นน้ำอุ่นผสมกลูโคสผงก็ได้ 

การขับถ่าย เราควรฝึกให้เขาขับถ่ายเป็นที่ตั้งแต่วันแรกที่รับมาครับ เวลาเห็นเขาทำท่าดมฟุดฟิด
เราก็อุ้มเข้าไปไว้ในที่ที่เราต้องการให้เป็นที่ขับถ่ายของเขาเลย จนเขาชิน เขาจะเริ่มรู้งาน
ใช้แผ่นรองฉี่ก็ได้ครับ หน้าตาแบบนี้




ใช้แล้วทิ้งได้เลย ไม่ต้องลำบากซัก ราคาไม่แพงครับ หาซื้อได้ตามร้านอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงทั่วไป
หรือจะใช้แผ่นรองฉี่แบบซักได้ก็ได้ครับ แล้วแต่ความสะดวก

ของเล่น ก็ควรมีให้เขานะครับ เขาจะได้ไม่เหงา ยิ่งถ้าเลี้ยงตัวเดียวแล้วด้วย จะเป็นตุ๊กตาผ้าก็ได้
เพราะถ้าเป็นตุ๊กตายาง สุนัขบางตัวอาจแพ้สารเคมีจากสีได้ครับ ให้ทีละตัวก็พอครับ
ไม่งั้นเขาจะเสียนิสัย มีแล้วไม่พอ อยากจะได้เพิ่มอีก 

เห็นไหมล่ะครับ ว่าการเลี้ยงดูลูกสุนัขสักตัว ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย ต้องใช้ความเอาใจใส่
และความละเอียดอ่อนอย่างมาก ไม่ต่างจากการเลี้ยงเด็กแรกเกิดสักคนหนึ่ง 
ดังนั้น ขอฝากเอาไว้ให้ได้คิด ว่าก่อนที่จะรับลูกสุนัขมาเลี้ยง ควรทำการศึกษา
และเตรียมความพร้อมในทุกๆด้านให้ดีเสียก่อน หวังว่าอ่านบทความนี้แล้ว
จะช่วยในการตัดสินใจได้มากขึ้นนะครับ 



Chihuahua Part 4 (ทีคัพ)

What is Tee-cup? 


จากที่ติดค้างกันไปเมื่อบทความที่แล้ว ในบทความนี้ เราจะมาไขข้อข้องใจ
เกี่ยวกับ ชิวาวา ขนาดเล็กจิ๋ว หรือที่เรียกกันว่า Tee-cup (ทีคัพ) ให้ทุกคนได้หายสงสัยกัน

สำหรับชิวาวาขนาดทีคัพ จริงๆ ตามมาตรฐานสายพันธุ์ของชิวาวาแล้วเนี่ย 
"ไม่มีนะครับ" เพราะขนาดทีคัพ ถือว่าเป็นขนาดที่ ไม่ได้มาตรฐาน
เป็นขนาดที่ผิดปกติ เป็นจุดด้อยของพันธุ์กรรม   และไม่สามารถเข้าร่วมประกวดได้

หลายๆคนคงสงสัยว่า ชิวาวาขนาดทีคัพมีจุดเริ่มต้นมาจากไหน ง่ายๆเลยครับ 
ชิวาวาขนาดทีคัพเกิดจากการที่มีผู้เพาะพันธุ์ นำพ่อพันธุ์ที่มีขนาดเล็กที่สุดกับแม่พันธุ์ที่มีขนาดเล็กที่สุดมาผสมกัน ทำให้ลูกที่ได้มีขนาดเล็กกว่าพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ และนำตัวที่เล็กที่สุดของคอกไปผสมต่อเรื่อยๆ เพื่อให้ได้ชิวาวาขนาดเล็กยิ่งขึ้นไปอีก 

อย่างว่าล่ะครับ อะไรที่มีขนาดเล็กจิ๋ว ย่อมมีราคาแพงเสมอ ของจิ๋ว ยิ่งจิ๋วก็ยิ่งแพง 
สุนัขก็เช่นเดียวกัน ยิ่งเล็กมากเท่าไหร ก็ยิ่งแพงมากขึ้นเท่านั้น ทำให้หลายๆฟาร์ม
นิยมเพาะพันธุ์ชิวาวาขนาดทีคัพ เพื่อจำหน่ายในราคาที่แสนโหด บางฟาร์มราคา
50,000 Up จนถึง เป็นแสนก็มี แพงกว่าสุนัขนำเข้าซะอีก 

แน่นอนครับ ว่าข้อดีของเจ้าชิวาวาขนาดทีคัพก็คือ พกพาง่าย บางตัวตัวเล็กเท่าฝ่ามือ 
สามารถใส่กระเป๋าเสื้อได้สบายๆ แต่ข้อเสียก็มีไม่น้อย ตั้งแต่แรกเกิดก็ต้องเอาเข้าตู้อบกันแล้ว
เดิมที ชิวาวาเป็นสุนัขที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดน้อยอยู่แล้ว ยิ่งเป็นขนาดทีคัพ
ยิ่งน้อยไปใหญ่ เมื่อรับมาเลี้ยงแล้ว ต้องหมั่นป้อนน้ำหวาน หรือ กลูโคสผงชงกับน้ำเสมอ
เพื่อไม่ให้เกิดภาวะดังกล่าว เพราะเมื่อเกิดภาวะดังกล่าวแล้ว อาจทำให้ช็อคจนถึงขั้นเสียชิวิตได้
และนอกจากนี้ เมื่อตัวเล็กมากๆแล้ว ยังทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่าย ร่างกายไม่แข็งแรง
แถมยังอายุสั้นอีกด้วย 

เห็นไหมล่ะครับ ว่าชิวาวาขนาดทีคัพ แม้ว่าจะมีข้อดีในเรื่องของความน่ารัก พกพาสะดวกแล้ว
ข้อเสียยังมีมากกว่าเยอะ ดังนั้น ควรคิดให้ดีๆก่อนรับมาเลี้ยงนะครับ ว่าเรามี่ความพร้อมจริงๆหรือเปล่า
และสามารถเลี้ยงดูเขาได้ดีพอหรือไม่ เพราะชิวาวาขนาดมาตรฐานก็เลี้ยงง่าย และน่ารักไม่แพ้กัน

วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2558

Chihuahua Part 3 (ลักษณะสายพันธุ์)





This is me 







            หลายๆคนคงคิดว่า การเลือกสุนัขชิวาวาที่ได้มาตรฐานสักตัว จะไปยากอะไร??
ก็แค่ หัวเหม่ง หน้าสั้น ตาโปน ตัวเล็ก ก็เท่านั้น 
แต่...ความจริงแล้ว ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่าง ที่เราควรพิจารณาก่อนรับชิวาวามาเลี้ยง
ถ้าหากอยากได้สุนัขที่สมบูรณ์ตรงตามมาตรฐาน โดยเราจะเริ่มกันที่ 
ลักษณะทั่วไปของชิวาวากันก่อน 

ลักษณะทั่วไป : 

สำหรับลักษณะทั่วไป แน่นอนครับ ว่าชิวาวา เป็นสุนัขที่มีขนาดเล็ก รูปร่างสัดส่วนกระชับ 
วิธีเลือกชิวาวาตามมาตรฐานง่ายๆเลยก็คือ หัวกลมคล้ายทรงแอปเปิ้ลกลับหัว
ตาโปนแต่ไม่มาก หน้าสั้น บางตัวอาจจะถึงกับหน้าหักเลยก็ได้ ฟันสบกันพอดี ไม่เหยิน 
แต่รายละเอียดย่อยๆยังมีอีกมาก 


รายละเอียดของอวัยวะแต่ละส่วน (โดยละเอียด)






เครดิต : http://eeddy.exteen.com/20090904/entry

ศีรษะ กะโหลกศีรษะควรกลมคล้ายผลแอปเปิ้ลตั้งกลับหัว ชิวาวาจะมีจุด Soft Spot ที่กลางกะโหลก

หากลองจับดู จะเป็นรูบุ๋มที่กลางศีรษะ เมื่ออายุครบ 1 ปี กะโหลกจะปิด ได้เท่านั้นเท่านั้น 
อาจจะปิดสนิทหรือไม่สนิทก็เป็นได้ กะโหลกที่ปิดสนิท เรียกกะโหลกปิด กะโหลกที่ปิดไม่สนิท
เรียกกะโหลกเปิด ซึ่งกะโหลกเปิด ไม่ถือว่าผิดปกติหรือผิดมาตรฐานอะไร เพียงแต่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ไม่ควรได้รับการกระทบกระเทือนแรงๆ 


หู : ใบหูควรมีขนาดใหญ่ ปลายหูแหลม คล้ายค้างคาว โดยหูตั้งห่างจากกันทำมุม 45 องศากับ
กะโหลกศีรษะ (เมื่อแรกเกิดหรือตอนยังเล็ก หูของชิวาวาจะยังตกอยู่ ต้องให้อาหารเสริม ผมเคยให้
เจ้ากาก้าทานชีส สมัยที่หูยังไม่ตั้ง หรืออาจจะใช้วิธีการดามหูร่วมด้วยก็ได้ แต่สำหรับชิวาวาบางตัว เมื่อโตแล้ว หูอาจจะยังไม่ตั้งเหมือนเดิม นั่นเป็นเพราะ ใบหูหนัก ไม่ถือว่าผิดมาตรฐานครับ ชิวาวาหูตกก็น่ารักไปอีกแบบ)
ตา : ตาโตแต่ไม่ยื่นโปนออกมามากเกินไป ระยะห่างระหว่างดวงตาทั้งสองข้าง ควรมีระยะที่พอดี
สำหรับสีของดวงตา ส่วนใหญ่จะเป็นสีดำสนิท แต่สำหรับชิวาวาที่มีสีขนอ่อน อนุโลมให้ดวงตามีสีน้ำตาลได้ ไม่ถือว่าเป็นข้อบกพร่อง หรือในชิวาวาบางตัวที่มีสีขนอ่อน อาจพบว่ามีตาสีฟ้าหรือนัยน์ตาสองสี
ไม่ถือว่าเป็นข้อบกพร่องเช่นเดียวกัน

ฟัน : ฟันหน้าควรขสบกันได้สนิทเหมือนกรรไกร โดยฟันบนเกยอยู่ด้านนอก หากผิดไปจากนี้ถือว่า
เป็นข้อบกพร่องที่ร้ายแรง เมื่อโตขึ้น อาจทำให้สุนัขชิวาวาของเราทานอาหารได้ลำบาก และ
มีปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน

หาง : ต้องยาวพอเหมาะ หางควรตั้งคล้ายหางดาบของสุนัขพันธุ์ไทย ในกรณีที่สุนัขมีหางม้วน อนุโลมให้ปลายหางม้วนแตะแผ่นหลังได้ แต่ห้ามเลยระดับแผ่นหลังลงมา และไม่ควรหางกุด เหมือนสุนัขพันธุ์มิเนเจอร์ที่นิยมตัดหางให้กุด ถือเป็นข้อบกพร่อง

ขาและเท้า : อุ้งเท้าควรมีขนาดเล็ก นิ้วเท้าแยกออกจากกัน แต่ไม่ถึงกับกางแบะออกเหมือนตีนเป็ด ซึ่งจะแตกต่างจากอุ้งเท้าของสุนัขพันธุ์อื่นๆ ซึ่งส่วนมากจะมีอุ้งเท้าที่กระชับ

นิสัย : ในส่วนของนิสัย ชิวาวาเป็นสุนัขมีความฉลาดและจงรักภักดีต่อเจ้าของมากเมื่อเทียบกับสุนัขพันธุ์อื่นๆ ปกติเป็นสุนัขที่ไม่เห่า ไม่ค่อยส่งเสียงรบกวน (ทำให้บางคนสามารถแอบเลี้ยงในหอหรือแอบพาไปในที่สาธารณะได้ แต่ไม่แนะนำให้ทำผิดกฏนะครับ เพราะกฏในการเลี้ยงสุนัข เลี้ยงแบบแอบซ่อนๆ เขาจะไม่มีความสุขหรอกครับ) เว้นแต่จะถูกรบกวนหรือทำให้ตกใจจึงจะเห่าเพื่อรักษาที่อยู่อาศัยของตัวเอง (แต่ไม่ควรทำให้สุนัขพันธุ์นี้ตกใจมากจนเกินไป  อาจทำให้เกิดอาการช็อคจนเสียชีวิตได้) นอกจากนี้ยังมีนิสัยกล้าหาญมักจะยืนหยัดต่อสู้กับสุนัขตัวอื่นๆ ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กกว่า (จิ๋วแต่แจ๋วนะครับขอบอก) แต่เจ้าชิวาวา ก็มีอัธยาศัยดี ใจดี เข้ากับสุนัขหรือสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นได้ง่าย 



ขนาด :

ในส่วนของขนาด จะมีขนาดทอยและทีคัพ
ขนาดทอย คือมาตรฐานปกติของสุนัขสายพันธุ์นี้
- ความสูงจะอยู่ที่ 16-20 (เซนติเมตร)
- น้ำหนักตัวจะอยู่ที่  2.5-2.7 (กิโลกรัม)

ส่วนของทีคัพ จะมีความสูง น้ำหนัก และขนาดลำตัวที่เล็กกว่ามาก 
น้ำหนักเมื่อโตเต็มที่จะอยู่ที่ 1 กิโลกรัมกว่าๆเท่านั้น 





แต่! ชิวาวาขนาดทีคัพนั้น 

จัดเป็นชิวาวาที่ไม่ได้มาตรฐาน แถมยังไม่แข็งแรงอีกต่างหาก
ยังมีหลายๆคนที่ไม่ทราบ และนิยมหามาเลี้ยง
สามารถติดตามต่อได้ในบทความถัดไป


ขน :


- ชิวาวาพันธุ์ขนสั้น เส้นขนจะแนบติดลำตัวเป็นเงามันวาว

หากชิวาวาตัวโต จะมีขนขึ้นดกหนากว่าปกติ เพราะมีขนชั้นในด้วยไม่ถือว่าผิดมาตรฐาน 
เรียกว่า ขนสองชั้น นั่นเอง 

- ชิวาวาพันธุ์ขนยาว เส้นขนควรมีลักษณะอ่อนนุ่ม ขนเหยียดตรง หรือเป็นลอนเล็กน้อย แต่ห้ามหยิก ขนชั้นในจะมีหรือไม่มีก็ได้ ขนที่บริเวณใบหูจะต้องยาว แต่ถ้าขนยาวและดกมากหนาเกินไปจนห้อยปรกลงมาครอบใบหู ควรตัดเล็มออก



สี : ของขนที่บริเวณหางควร มีสีกลมกลืนกับสีของขนบนตัว


ซึ่งโทนสีขขนองชิวาวาในปัจจุบัน มีมากมาย หลากหลายสี หลักๆ ได้แก่


สีช็อคโกแลต เรียกสั้นๆว่าสีช็อค (เป็นสีที่นิยมมาก) อาจจะเป็นสีช็อคขาวหรือช็อคครีม หรือสีน้ำตาลกระรอกก็ได้















โทนสีดำ อาจเป็นดำล้วน ดำขาว หรือแบล็คแทนก็ได้






โทนสีขาว






โทนสีครีม อาจมีมาร์คกิ้งสีขาวหรือสีอื่นด้วย







โทนสีบลูหรือสีเทา อาจเป็นเทาล้วน เทาขาว หรือ เทาครีมก็ได้






โทนสีเมอร์เร่ (เป็นสีที่หายากที่สุดและราคาสูงที่สุด)







อาจมีสีอื่นๆนอกเหนือจากนี้ก็ได้ และหากเป็นชิวาวาที่มีขนสองสีขึ้นไปนั้น จะมีสีพื้นและสีที่เรียกว่าเป็นมาร์คกิ้ง หากชิวาวาที่มีคิ้ว มีแก้ม มีสร้อยคอ อก ถุงเท้า หางดอก  เป๊ะตามสูตร ราคาจะยิ่งสูงตามไปด้วย

หลายๆคนมีความเข้าใจแบบผิดๆเกี่ยวกับการจ่ายลูกหรือให้ลูกของชิวาวา ยกตัวอย่างเช่น

หากพ่อพันธุ์สีขาวผสมกับแม่พันธุ์สีครีม ลูกที่เกิดมาจะต้องเป็นสีขาวล้วน สีครีมล้วน หรือสีขาวครีมเท่านั้น ซึ่งนั่นถือเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะลูกที่เกิด จะสามารถเป็นสีอะไรก็ได้ ลูกที่เกิด อาจเกิดมามีสีคล้ายกับปู่ย่าตาทวดของตระกูลก็เป็นได้ 




Chihuahua Part 2 (ต้นกำเนิด)


"Where were they born?"



หากจะพูดถึงต้นกำเนิดของสุนัขสายพันธุ์ชิวาวา 

มีสันนิษฐานว่า สุนัขพันธุ์ชิวาวานั้น มีต้นกำเนิดมาจาก สุนัขสายพันธุ์ "เตชิชิ" 
(ปัจจุบันสูญพันธู์ไปแล้ว) ซึ่งสุนัขพันธุ์เตชิชินั้นมีขัวิตอยู่ในศตวรรษที่ 19 
ตั้งแต่สมัยอาณาจักร Toltecs  (หลายๆคนคงไม่รู้จักและนึกภาพไม่ออก 
อธิบายง่ายๆแล้วกันครับ อาณาจักร Toltecs ปัจจุบันคือประเทศแม็กซิโกนั่นเอง) 
อาณาจักรดังกล่าว มีอารยธรรมต่างๆมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือการสร้างสุนัขสายพันธุ์เตชิชิ
โดยเจ้าเตชิชิ เป็นสุนัขที่มีขนาดเล็ก แต่กระดูกใหญ่ ขนยาว ลักษณะเด่นพิเศษคือ 
เป็นสุนัขที่เงียบ ไม่เห่า (ถือว่าเด่นพิเศษจริงๆครับ เพราะหาได้ยากมาก สุนัขที่จะไม่เห่า 5555)
ด้วยความที่ลักษณะของเจ้าสุนัขเตชิชิ มีความคล้ายคลึงกับสุนัขพันธุ์ชิวาวามาก
จึงถือกันว่า เตชิชิ เป็นสุนัขที่ 
เป็นต้นกำเนิด ชิวาว่า ในปัจจุบัน





โดยหลักฐานสำคัญที่ยืนยันว่า เตชิชิ เป็นสุนัขต้นตระกูลของชิวาวา ก็คือรูปแกะสลักของเตชิชิ

ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับชิวาวาในปัจจุบัน รูปแกะสลักนี้จัดแสดงอยู่ที่ 
Monastery of Auejotzingo ณ ประเทศเม็กซิโก






เมื่ออาณาจักร Toltecs ล่มสลายไป อาณาจักรใหม่ก็เติบโตขึ้นแทนที่ นั่นคืออาณาจักร Aztec

ทำให้มีผู้คนค้นพบเศษซากโบราณวัตถุต่างๆ และมักเจอหลักฐานที่เกี่ยวกับเตชิชิ 
ต้นตระกูลของสุนัขสายพันธุ์ชิวาวาอยู่เสมอ 
และในอาณาจักร Aztec เอง ก็ยังคงมีผู้คนที่นิยมเลี้ยงชิวาวาอยู่มาก รวมถึงพระจักรพรรดิ
และขุนนางชั้นสูง ว่ากันว่า แม้แต่ชิวาวาของเศรษฐีก็ยังเป็นที่ยกย่อง และยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อย
ที่นิยมฝังศพของตนรวมกับศพของชิวาวาที่ตนเลี้ยง แสดงถึงควา่มรักที่พวกเขามีต่อชิวาวานั่นเอง

นอกจากนี้ ชิวาวา ยังคงเป็นที่เคารพบูชาทางศาสนาอีกด้วย เนื่องจากความเชื่อที่ว่า ชิวาวาเป็นสุนัขที่ใช้ในการบูชาเทพเจ้า ใช้เป็นผู้นำทางวิญญาณไปสู่โลกแห่งความตาย รวมทั้งยังรับบาปแทนมนุษย์ได้ด้วย


Chihuahua Part 1


why?





หากจะพูดถึงจุดเริ่มต้น ที่ทำให้ผมตัดสินใจสร้าง Blog เกี่ยวกับเจ้าสุนัขสายพันธุ์ Chihuahua (ชิวาวา)

ขึ้นมานั้น คงจะต้องเล่าย้อนกลับไป สมัยที่ผมกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (อายุประมาณ 13 ปี)

ตัวผมเองได้มีโอกาสได้รู้จักกับสุนัขสายพันธุ์นี้ผ่านคลับจุตจักร ในเว็บไซต์ Pantip ซึ่งเป็นคลับ


ที่มีกลุ่มคน ผู้หลงรักในสุนัขสายพันธุ์ต่างๆ มาพูดคุย โพสต์ภาพ เล่าเรื่องราวความประทับที่มีต่อเจ้าสุนัข


ของตัวเอง และจากการติดตามเรื่องราวของสุนัขสายพันธุ์ต่างๆในคลับจุตจักร ทำให้ผมรู้สึกประทับใจ


ในหัวโตๆ หน้าสั้นๆ ตาปูดโปน คล้ายกับมนุษย์ต่างดาวของเจ้าสุนัขสายพันธุ์ชิวาวา ผมจึงเริ่มศึกษา


ข้อมูลของเจ้าสุนัขสายพันธุ์ดังกล่าว และตั้งใจว่าจะต้องหามาเลี้ยงให้จนได้


ผมเข้าดูตามเว็บไซต์ต่างๆที่ประกาศขายสุนัข ทุกวันหลังเลิกเรียน ผมเอาแต่วุ่นวายอยู่กับการเสิร์ชคำ


ค้นหาเหล่านี้


"ชิวาวา" "ขายชิวาวา" "ลูกสุนัชชิวาวา" "ประกาศขายชิวาวา" "ชิวาวาหาบ้านใหม่" ฯลฯ



จนกระทั่งผมบังเอิญไปเจอกับกระทู้หนึ่งเข้า ซึ่งประกาศขายลูกสุนัขชิวาวา เพศผู้  

จำนวนสองตัว ในราคาตัวละ 3500 บาทถ้วนเท่านั้น !

ด้วยความที่ยังเป็นเด็ก แม้ว่าผมจะศึกษาข้อมูลมาดีแล้ว (ดีที่สุดในความคิดของเด็กคนหนึ่ง)


แต่ นั่นยังไม่ดีที่สุด ผมตัดสินใจด้วยความรีบร้อน ไม่คิดหน้าคิดหลังให้ถี่ถ้วนเสียก่อน


รบเร้าพ่อกับแม่ให้พาผมไปรับลูกสุนัขชิวาวามาเลี้ยง จนท่านทั้งสองยอมใจอ่อน


และในที่สุดผมก็ได้ เจ้า "กาก้า" ลูกสุนัขพันธุ์ชิวาวาเพศผู้ สีขาวน้ำตาล อายุร่วมสองเดือนมาเลี้ยง


ทว่า ในตอนนั้น มันเป็นเพียงแค่ความชอบ และความอยากของผมเท่านั้น ผมไม่มีความพร้อม


ผมไม่มีความรับผิดชอบมากพอ ที่จะดูแลชีวิตของลูกสุนัขตัวหนึ่ง ภาระหน้าที่ทั้งหมดในการเลี้ยงดู


เจ้ากาก้า จึงตกไปเป็นของแม่


                  เวลาผ่านไป เมื่อผมโตขึ้น จนกระทั่งปัจจุบันนี้ ผมยังคงศึกษาเกี่ยวกับสุนัขสายพันธุ์ชิวาวา

อยู่เหมือนเดิม....ความชอบของผมยังคงไม่เปลี่ยนไป นั่นทำให้ผมได้รู้ความจริง 

ว่าเจ้ากาก้า ที่ผมรับมาเลี้ยงนั้น ไม่ใช่ชิวาวาแท้! แต่เป็นชิวาวาผสม ผมถูกย้อมแมวขาย! 

(มาทราบทีหลังว่า มีคนมากมายถูกหลอกขายลูกสุนัข โดยอ้างว่าเป็นสายพันธุ์แท้ 

แต่เมื่อโตขึ้น สุนัขก็ค่อยๆกลายร่าง เหมือนกับเจ้ากาก้าของผมนั่นเอง) 

หลายๆคนคงอยากทราบว่าตอนนี้เจ้ากาก้าเป็นยังไง?? เจ้ากาก้ายังอยู่อย่างสุขสบายดี  

แน่นอนครับ ว่าด้วยการเลี้ยงดูของแม่ เพียงแต่เจ้ากาก้า หัวไม่โหนก หน้าไม่สั้น ตัวใหญ่ยาวเก้งก้าง

เกินกว่าที่จะเป็นชิวาวาได้ แถมฟันยังไม่สบกัน ยื่นออกมานอกปากอีกต่างหาก 

เกิดเป็นกาก้าช่างน่าสงสารจริงๆครับ 55555  แต่ก็ต้องขอบคุณเจ้ากาก้า ที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับผม

ในการสร้าง Blog นี้ขึ้นมา เพราะผมอยากให้คนที่ได้เข้ามาอ่าน Blog ของผม 

เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ เกี่ยวกับสุนัขพันธุ์ชิวาวา 

เราต้องทำความเข้าใจในความจริงหนึ่งข้อก่อนว่า สุนัขหนึ่งตัว เมื่อเรารับเขามาเลี้ยง 

เขาจะอยู่กับเราไปอีก 12 ถึง 14 ปีทีเดียว  หากรับเขามาเลี้ยง ปรากฏว่าเขา ไม่ได้โตมาน่ารัก

หรือมีลักษณะนิสัยตรงตามที่เราวาดฝันเอาไว้ จะทิ้งขว้างเขาก็คงไม่เข้าที 

ดังนั้น Blog ของผม จะทำให้ทุกท่านที่สนใจในสุนัขสายพันธุ์ชิวาวา ได้รู้จัก

และเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะต่างๆของเจ้าสุนัขสายพันธุ์นี้ ไม่ว่าจะเป็น ประวัติความเป็นมา ต้นกำเนิด

ลักษณะทางกายภาพ ลักษณะภายในจิตใจ วิธีการดูแล และอื่นๆอีกมากมายที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน!